“Bersama Malaysia” รวมถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มทักษะให้กับชาวมาเลเซียอีก 1 ล้านคนภายในสิ้นปี 2566 โดยเป็นการทำงานร่วมกันของภาครัฐและเอกชน และการจัดตั้ง MYDigital Alliance Leadership Council

กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย - Media OutReach - 22 เม.ย. 2564 - Microsoft Corp. ประกาศในวันนี้ว่าโครงการ "Bersama Malaysia" (ความร่วมมือกับมาเลเซีย) ซึ่งนับเป็นความมุ่งมั่นที่สำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุมทั่วถึงของมาเลเซีย พร้อมไปกับการยกระดับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศในภาคเอกชนและภาครัฐ โดยตามแผนการดังกล่าว Microsoft จะจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภูมิภาค หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาค (datacenter regional) แห่งแรกในประเทศ เพื่อให้บริการคลาวด์ที่เชื่อถือได้ในพื้นที่ ที่จะมาพร้อมความปลอดภัยของข้อมูล ความเป็นส่วนตัว และความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลของประเทศในระดับมาตรฐานโลก นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังประกาศแผนการที่จะเพิ่มทักษะให้กับชาวมาเลเซียอีก 1 ล้านคนภายในสิ้นปี 2566 เพื่อช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้คนและธุรกิจในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ Microsoft ยังจะช่วยจัดตั้ง MYDigital Alliance Leadership Council เพื่อทำงานร่วมกันตามคำแนะนำด้านนโยบายที่ให้ความสำคัญกับคลาวด์เป็นสิ่งแรกและตามคำแนะนำจากดิจิทัลเนทีฟ อีกด้วย

 

การประกาศในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ 28 ปีของ Microsoft ในประเทศนี้ และถือเป็นการสนับสนุนเป้าหมาย MyDIGITAL ของรัฐบาลมาเลเซียในการเปลี่ยนประเทศให้เป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้านเศรษฐกิจดิจิทัล จากการวิจัยของ IDC^[1] การลงทุนของ Microsoft ในมาเลเซียจะช่วยสร้างรายได้ใหม่ได้ถึง 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐ^[2]สำหรับระบบนิเวศของพันธมิตรในประเทศและของลูกค้าที่ใช้ระบบคลาวด์ในช่วงสี่ปีข้างหน้านี้ นอกจากนี้ การวิจัยยังประเมินว่า Microsoft เองกับคู่ค้าและลูกค้าที่ใช้ระบบคลาวด์จะร่วมกันมีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสด้านงานใหม่ ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่า 19,000 ตำแหน่ง

 

YAB Tan Sri Muhyiddin Yassin นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวว่า" ในขณะที่เราประสานความร่วมมือกับ Microsoft ในวันนี้ ผมหวังว่านี่จะเป็นเพียงแค่สัญญาณที่ดีในเบื้องต้นของการลงทุนที่กว้างขึ้นที่กำลังจะตามมาในมาเลเซียของ Microsoft และผู้ที่ทำกิจการด้านข้อมูลรายอื่น ๆ การลงทุนครั้งสำคัญจาก Microsoft นี้ช่วยเสริมสถานะของมาเลเซียในฐานะศูนย์กลางข้อมูลระดับภูมิภาคที่มีศักยภาพ และเราพร้อมที่จะต้อนรับพันธมิตรที่ทำงานในด้านนี้เพิ่มเติมมากขึ้น พร้อม ๆ กับการที่เราทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราเพื่อปรับปรุงการนำเสนอคุณค่าของมาเลเซียในด้าน big data อย่างต่อเนื่อง"

 

"การประกาศในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Microsoft ในรอบ 28 ปีที่เราดำเนินงานในมาเลเซีย เราแบ่งปันความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ครอบคลุมทั่วถึงและที่มีความรับผิดชอบ ด้วยเหตุนี้เราจึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะเพิ่มศักยภาพให้กับชาวมาเลเซีย 1 ล้านคนด้วยทักษะดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากโอกาสที่การลงทุนครั้งใหม่นี้จะสร้างขึ้น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาคที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นตัวเปลี่ยนเกม (game-changer) สำหรับมาเลเซียเพราะทำให้รัฐบาลและธุรกิจต่าง ๆ สามารถทบทวนและเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคน" Jean-Philippe Courtois รองประธานบริหารและประธานฝ่ายขายทั่วโลกของ Microsoft ฝ่ายการตลาดและการดำเนินงาน กล่าว

 

"เราภูมิใจที่ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศชาติเพื่อเร่งผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของมาเลเซียไปข้างหน้า โครงการ Bersama Malaysia ของ Microsoft สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการสนับสนุนโครงการ MyDIGITAL ของประเทศ ไปพร้อม ๆ กับการที่เราสร้างศักยภาพให้ทุกคนและทุกองค์กรในมาเลเซียในการประสบความสำเร็จมากขึ้น ด้วยพนักงานกว่า 200 คนและพันธมิตร 2,000 รายในประเทศ เราจะสนับสนุนรัฐบาลที่ให้มีความสามารถด้านดิจิทัลและช่วยให้กิจการต่าง ๆ สามารถมีความยืดหยุ่นในรูปแบบดิจิทัล พร้อมทั้งเชื่อมต่อโอกาสทางดิจิทัลให้กับชาวมาเลเซีย เรายืนหยัดร่วมกับมาเลเซีย" K Raman กรรมการผู้จัดการของ Microsoft Malaysia กล่าว

 

โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของมาเลเซีย

 

Microsoft จะจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาคแห่งแรกในพื้นที่ Greater Kuala Lumpur และให้การเข้าถึง Microsoft Cloud เต็มรูปแบบซึ่งรวมถึง:

• Microsoft Azure ช่วยให้ทุกคนสามารถประดิษฐ์คิดค้นโดยมีจุดประสงค์ โดยการใช้บริการคลาวด์และความสามารถการประมวลผลที่ครอบคลุม เครือข่ายฐานข้อมูลการวิเคราะห์ AI และ อินเตอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง
• Microsoft 365 เพื่อเชื่อมต่อทำงานร่วมกันทำงานจากระยะไกลและเรียนรู้ออนไลน์ด้วยเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่เป็นนวัตกรรมใหม่
• Dynamics 365 และ Power Platform สร้างและจัดการโซลูชันทางธุรกิจที่สำคัญในระดับองค์กรอย่างรวดเร็วด้วยแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่ชาญฉลาด

ดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาคแห่งใหม่นี้จะนำเสนอ Azure Availability Zones ซึ่งให้ตัวเลือกด้านความยืดหยุ่นเพิ่มเติมสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความพร้อมใช้งานสูงและสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ Microsoft โดย Microsoft มีความมุ่งมั่นทั่วโลกที่จะเปลี่ยนไปสู่การจัดหาพลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2568 ซึ่งหมายความว่า Microsoft จะมีข้อตกลงซื้อไฟฟ้าสำหรับพลังงานสีเขียวซึ่งเป็นสัดส่วน 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับการปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยศูนย์ข้อมูล อาคาร และวิทยาเขตทั้งหมด รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาคในมาเลเซียที่ได้วางแผนไว้

 

Microsoft Microsoft จะทำงานร่วมกับรัฐบาล บริษัทสตาร์ทอัพ และองค์กรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ Microsoft ได้ร่วมกับ Social & Economic Research Initiative (SERI) จัดตั้ง MYDigital Alliance Leadership Council เพื่อทำงานร่วมกันในข้อเสนอแนะด้านนโยบายแบบที่ให้ความสำคัญคลาวด์เป็นอันดับแรกและนโยบายการเป็นดิจิทัลเนทีฟ การประชุมความร่วมมือครั้งแรกของ Alliance ได้หารือเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบดิจิทัลในภาคการศึกษาเพื่อสนับสนุนแรงงานด้านดิจิทัลของมาเลเซียให้สามารถแข่งขันได้ทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทชั้นนำของมาเลเซีย ได้แก่ Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) และ Celcom Axiata Berhad ยังได้มุ่งมั่นที่จะช่วยพัฒนามาเลเซีย และความทะเยอทะยานด้านดิจิทัล ตลอดจนการใช้ Microsoft Cloud จากดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาคใหม่ เมื่อเปิดให้บริการ

 

"ความร่วมมือกับ Microsoft ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ PETRONAS ในการรักษาและพัฒนาระบบส่งต่อแรงงานแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน ที่พร้อมที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของมาเลเซียแห่งอนาคต ในขณะที่พันธมิตรและโซลูชั่นด้านพลังงานที่ก้าวหน้าช่วยเสริมสร้างชีวิตเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน การพัฒนาทุนมนุษย์อย่างต่อเนื่องร่วมไปด้วยจะเป็นส่วนสำคัญต่อความสามารถของเราในการดำเนินงานและแข่งขัน เรามุ่งหวังที่จะเร่งความพยายามในการยกระดับความสามารถในท้องถิ่นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างอนาคตดิจิทัลที่ครอบคลุมเพื่อประโยชน์ของทั้งประชาชนและประเทศชาติ" Tengku Muhammad Taufik ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม PETRONAS กล่าว

 

"ภาคโทรคมนาคมและเทคโนโลยีเป็นสายใยสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ บริการคลาวด์ระดับโลกจะกลายเป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางในอนาคตในการก้าวไปสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค เราขอปรบมือให้กับแผนการของ Microsoft ในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาคแห่งแรกในมาเลเซีย ซึ่งให้การเข้าถึงบริการคลาวด์ที่ปลอดภัย ปรับขนาดได้ ความพร้อมการใช้งานสูง ยืดหยุ่น และยั่งยืนสำหรับรัฐบาล และในหลากหลายอุตสาหกรรม ในฐานะผู้เช่าธุรกิจโทรคมนาคมเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้นำประโยชน์ของศูนย์ข้อมูล (datacenter) นี้ ไปสู่ลูกค้าและคู่ค้าของเรา ด้วยความร่วมมือกับ Microsoft เราจะให้บริการลูกค้าของเราต่อไปโดยการนำเสนอบริการคลาวด์ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลที่มุ่งมั่นและบรรลุความมุ่งหวังด้านดิจิทัลของประเทศในแบบที่ยั่งยืน" Idham Nawawi ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Celcom Axiata Berhad กล่าว

 

Microsoft ร่วมกับ Enfrasys Solutions ซึ่งเป็นพันธมิตรในท้องถิ่น ได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานวางแผนการจัดการและความทันสมัยด้านการบริหารของมาเลเซีย หรือ the Malaysian Administrative Modernisation and Management Planning Unit เพื่อให้บริการระบบคลาวด์แก่หน่วยงานภาครัฐของมาเลเซียจนถึงปี 2566 นอกจากนี้ Microsoft จะร่วมมือกับ Censof Holdings, Silverlake Group และ Web Bytes เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมหลักของประเทศรวมไปถึงบริการทางการเงิน การค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่มตลอดจนภาครัฐ

 

เพิ่มขีดความสามารถให้กับชาวมาเลเซียด้วยโอกาสที่ครอบคลุมทั่วถึง

 

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Bersama Malaysia ทาง Microsoft มุ่งมั่นที่จะจัดหาโอกาสที่เท่าเทียมกันในการเติบโตในระบบคลาวด์และเศรษฐกิจดิจิทัลที่รองรับ AI และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ Microsoft จะเพิ่มทักษะให้กับชาวมาเลเซียอีก 1 ล้านคนภายในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งรวมถึงการทำงานร่วมกับ Human Resources Development Fund, Junior Achievement Malaysia, TalentCorp Malaysia, MAMPU, Grab Malaysia, Biji-Biji Enterprise และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เพื่อเข้าถึงผู้คนทุกภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม รวมไปถึงคนหนุ่มสาวและคนพิการ ความมุ่งมั่นนี้เป็นความต่อเนื่องของโครงการด้านทักษะทั่วโลกของ Microsoft ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ซึ่งเข้าถึงชาวมาเลเซียมากกว่า 110,000 คนนับถึงปัจจุบัน